ปราสาทโบราณญี่ปุ่น เป็นอีกสถานที่ท่องเที่ยวที่หลายๆคนอยากไปเมื่อไปเที่ยวที่ประเทศญี่ปุ่น ด้วยความสวยงามที่มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนที่ใด ในโลก

วันนี้เรามาดู 10 สุดยอดปราสาทชื่อดังของญี่ปุ่นที่ควรค่าแก่การไปเยือนกันว่ามีที่ไหนบ้าง ใครไปเที่ยวเมืองไหน ใกล้ปราสาทไหนอย่าลืมไปเยี่ยมชมปราสาทเหล่านี้กันนะคะ

1.ปราสาทฮิเมจิ (Himeji Castle) เฮียวโงะ

ปราสาทฮิเมจิ ตั้งอยู่ที่เมืองฮิเมจิ (Himeji) จังหวัดเฮียวโงะ ภูมิภาคคันไซ ซึ่งตัวปราสาทนั้นสวยเด่นมองเห็นแต่ไกล สวยขนาดคว้าตำแหน่งอันดับ 1 ปราสาทญี่ปุ่นแห่งปี ค.ศ. 2019 ไปครอง ปราสาทฮิเมจิเป็นปราสาทโบราณสีขาว มีกำแพงสีขาวสะอาดและหลังคาสีอ่อนต่างจากปราสาทญี่ปุ่นอื่นๆ ทำให้ได้รับการขนานนามว่าเป็น “ปราสาทนกกระสาขาว” ในฤดูใบไม่ผลิจะรายล้อมไปด้วยต้นซากุระที่บานสะพรั่ง ไม่ว่าจะถ่ายรูปจากมุมไหนหรือฤดูไหนก็สวย ได้รับการยกย่องจากยูเนสโกให้เป็นมรดกโลกและสมบัติประจำชาติญี่ปุ่นเมื่อเดือนธันวาคม ปี ค.ศ. 1993 เราสามารถเดินทางไปเที่ยวที่ปราสาทแห่งนี้ได้จากโอซาก้าหรือเกียวโตโดยใช้เวลาแค่ประมาณ 1 ชั่วโมง ซึ่งปราสาทฮิเมจิอยู่ใกล้กับสถานีฮิเมจิ (Himeji) เพียงแค่ 1กิโลเมตรเท่านั้นค่ะ

2.ปราสาทมัตสึโมโตะ (Matsumoto Castle) | นากาโน่

ปราสาทมัตสึโมโตะ อยู่ที่เมืองมัตสึโมโตะ จังหวัดนากาโน่ ภูมิภาคชูบุ สามารถนั่งรถไฟชินคันเซ็นจากโตเกียว ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง เนื่องด้วยผนังของปราสาทที่มีสีดำ และมีอาคารสามชั้นที่ตั้งอยู่ทั้งสองด้านของตัวปราสาทคล้ายเป็นส่วนปีก จึงมีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า “ปราสาทอีกา” มีสะพานสีแดงที่ทอดยาวสู่ตัวปราสาทกับต้นไม้รายล้อมที่เปลี่ยนสีตามฤดูกาล ทำให้มีทิวทัศน์ที่งดงามทุกฤดู ปัจจุบันปราสาทมัตสึโมโตะได้ขึ้นทะเบียนเป็นสมบัติชาติญี่ปุ่นและเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมแห่งจังหวัดนากาโน่ อีกทั้งยังเป็น 1 ใน 12 ปราสาทดั้งเดิมที่ยังคงสภาพสมบูรณ์และสวยงามที่สุดของประเทศญี่ปุ่นอีกด้วยล่ะค่ะ

3.ปราสาทโอซาก้า (Osaka Castle) | โอซาก้า

ปราสาทโอซาก้า ตั้งอยู่ที่จังหวัดโอซาก้า เป็นปราสาทที่สร้างขึ้นบนกำแพงหินเพื่อป้องกันการรุกรานในสมัยนั้น และตอนนี้ก็กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ใครๆ ที่ไปโอซาก้าก็ต้องไปเยี่ยมชมความสง่างาม บริเวณรอบๆปราสาทนั้นยังเป็นจุดชมซากุระที่เรียงรายไปด้วยต้นซากุระกว่า 600 ต้นอีกด้วย เรียกว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของเมืองโอซาก้า และยังเป็นปราสาทที่นักท่องเที่ยวไทยนิยมเดินทางไปชมมากที่สุด เพราะเดินทางสะดวกและอยู่ใกล้กับสถานที่ท่องเที่ยวหลายแห่ง เรียกได้ว่าแทบจะไม่มีใครที่ไปโอซาก้าแล้วไม่แวะเที่ยวที่นี่

4.ปราสาทนาโกย่า (Nagoya Castle) | ไอจิ

ปราสาท Nagoya เป็นปราสาทสำคัญปราสาทหนึ่งของญี่ปุ่น ตั้งตระหง่านอยู่บริเวณใจกลางเมืองนาโกย่า จังหวัดไอจิ ระหว่างสงครามโลกครั้งที่สอง เมืองนาโงย่าถูกโจมตีทางอากาศอย่างหนัก ทำให้ปราสาทแห่งนี้ถูกทำลายเสียหายเป็นอย่างมาก และได้มีการบูรณะครั้งใหม่ในปี ค.ศ.1959 โดยพยายามคงรูปลักษณ์เดิมไว้ให้มากที่สุด ตัวปราสาทถือได้ว่าเป็นสัญลักษณ์ประจำเมืองนาโกย่า รวมถึงรูปสลักปลาหัวเสือทองคำ “คินชะจิ (Kinshachi)” ที่อยู่บนปราสาทซึ่งเป็นเครื่องรางป้องกันอัคคีภัย ปัจจุบันภายในปราสาทถูกปรับเป็นพิพิธภัณฑ์ แสดงข้าวของเครื่องใช้ ยุทโธปกรณ์ของเหล่าซามูไรในสมัยโบราณ ภายนอกปราสาทมีสวนสวยสไตล์ญี่ปุ่น ทั้งต้นซากุระที่จะเบ่งบานดอกในช่วงฤดูใบไม้ผลิ

5.ปราสาทคุมาโมโตะ (Kumamoto Castle) | คุมาโมโตะ

ปราสาทคุมาโมโตะ อยู่ในเมืองและจังหวัดชื่อเดียวกัน ซึ่งเป็นบ้านเกิดของหมีคุมะมงสุดน่ารักนั่นเอง ปราสาทคุมาโมโตะมีอีกชื่อหนึ่งว่า “ปราสาทแป๊ะก๊วย” ช่วงก่อสร้างมีการปลูกต้นแปะก๊วย เพื่อเป็นหลักประกันว่าผู้อยู่อาศัยในปราสาทจะมีอาหารรับประทานหากมีการรบเกิดขึ้น นอกจากความสวยงามของตัวหอกลางของปราสาทแล้ว บริเวณฐานหินที่ซ้อนกันจนสูงถือเป็นเอกลักษณ์ที่โดดเด่นเป็นอย่างมาก จัดว่าเป็นหนึ่งในสามปราสาทที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น แต่ของจริงถูกเผาทำลายไปช่วงสวยสงครามกลางเมือง และเพราะความสวยงามจึงได้มีการสร้างจำลองขึ้นให้เราได้เห็นกันทุกวันนี้ แถมวิวข้างบนยังสวยงามอลังการมาก ดังเดิม ถือได้ว่าเป็นปราสาทที่มีชื่อเสียงที่สุดบนเกาะคิวชูเลยค่ะ

6.ปราสาทฮิโรซากิ (Hirosaki Castle) | อาโอโมริ

ปราสาทฮิโรซากิ ตั้งอยู่ในเมืองฮิโรซากิ จังหวัดอาโอโมริ ปราสาทแห่งนี้ถือเป็นสัญลักษณ์ของเมืองฮิโรซากิ นักประวัติศาสตร์ชาวญี่ปุ่น นามว่า ชิบะ เรียวทาโร่[Shiba Ryotaro ] ได้ยกย่องให้ปราสาทแห่งนี้เป็น 1 ใน7 ปราสาทที่มีความสวยงามและมีชื่อเสียงที่สุดของญี่ปุ่น นักท่องเที่ยวมักจะเดินทางมามากเป็นพิเศษในช่วงฤดูใบไม้ผลิที่ดอกซากุระปกคลุมทั่วบริเวณรอบปราสาท และในฤดูหนาวที่นี่จะมีหิมะขาวโพลนปกคลุมเป็นระยะเวลานาน ซึ่งบรรยากาศในสองฤดูที่กล่าวไปนั้นต่างกันอย่างสิ้นเชิง นอกจากนี้ยังมีเทศกาลหายเทศกาลจัดขึ้นที่นี่ นอกจากนี้นักท่องเที่ยวยังชอบพายเรือเล่นภายในสวนฮิโรซากิอีกด้วย

7.ปราสาทมัตสึเอะ (Matsue Castle) | ชิมาเนะ

ปราสาทมัตสึเอะ ตั้งอยู่ที่เมืองมัตสึเอะ (Matsue) จังหวัดชิมาเนะ ที่รู้จักกันในนามปราสาทดำ ด้วยมีกำแพงและหลังคาที่เน้นสีโทนดำขรึมและสง่างาม แม้จะเป็นปราสาทที่ไม่ได้มีขนาดใหญ่โต แต่เป็นสถาปัตยกรรมที่ประณีตและสวยงามตามสไตล์ปราสาทสมัยเอโดะ จัดว่าเป็นหนึ่งในปราสาทเพียงไม่กี่แห่งในญี่ปุ่นที่ได้ผ่านพ้นมาทั้งสงคราม แผ่นดินไหว ไฟไหม้และต่างๆ นานามากมาย ภายในมีงานศิลปะโบราณของญี่ปุ่นมากมายให้เข้าชม

8.ปราสาทฮิโกเนะ (Hikone Castle) | ชิกะ

ปราสาทฮิโกเนะ เป็นหนึ่งใน 5 ปราสาทที่ได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นสมบัติชาติญี่ปุ่น ตั้งอยู่ที่เมืองฮิโกเนะ (Hikone) จังหวัดชิกะ ใกล้กับทะเลสาบบิวะ (Lake Biwa) เนะ ถือว่าเป็นปราสาทที่งามสง่าอีกแห่งหนึ่งของญี่ปุ่น ประกอบด้วยหอคอย 3 ชั้น ซึ่งถูกสร้างบนเขาฮิโคเนะ ในยุคเอโดะ โดะ ตั้งแต่ปี ค ศ.1614 เสร็จสมบูรณ์ ในปี ค.ศ.1622 ใช้เวลาทั้งสิ้น 18 ปี จัดเป็นสมบัติแห่งชาติที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากยูเนสโก ซึ่งที่นี่แม้ตัวหอกลางจะไม่ใหญ่โต แต่บริเวณโดยรอบยังมีพิพิธภัณฑ์ คลองขุด และธรรมชาติตามฤดูกาลทั้งสี่ที่สวยงามของญี่ปุ่น โดยนักท่องเที่ยวสามารถสัมผัสบรรยากาศของปราสาทแห่งนี้ได้ด้วยการเดินเท้า นั่งรถลาก หรือล่องเรือ

9.ปราสาทอินุยามะ (Inuyama Castle) | ไอจิ

ปราสาทอินุยามะ อยู่ที่เมืองอินุยามะ (Inuyama) จังหวัดไอจิ ภูมิภาคชูบุ มีแม่น้ำคิโสะ (Kiso River) ที่เชี่ยวกรากโอบล้อมอยู่ซึ่งตัวปราสาทสูงจากผิวน้ำ 88 เมตร ในอดีตที่แห่งนี้จึงถือเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่เหมาะสมแก่การสร้างปราสาทเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ยังมีความพิเศษตรงที่เป็น ปราสาทญี่ปุ่น แห่งสุดท้ายที่มีการครอบครองโดยบุคคลก่อนจะส่งคืนแก่ประเทศในปี ค.ศ. 2004

10.ปราสาทนิโจ (Nijo Castle) /เมืองเกียวโต

ปราสาทนิโจ (Nijo Castle) ตั้งอยู่ในจังหวัดเกียวโต สร้างขึ้นจากไม้ทั้งหมด ทำให้แตกต่างกับปราสาทอื่นๆ ในประเทศญี่ปุ่นที่มักจะมีฐานเป็นก้อนหิน ปราสาทนิโจ จังหวัดเกียวโต ได้รับการจดทะเบียนขึ้นเป็นมรดกโลกเมื่อปี ค.ศ.1994 เป็นปราสาทขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่บนพื้นราบ มีหลายส่วนให้เข้าชม ไม่ว่าจะเป็นป้อมปราการที่เรียงตัวเป็นวงแหวนสองชั้น พระราชวังนิโนมารุ พระราชวังฮนมารุ และอาคารสถาปัตยกรรมญี่ปุ่นอื่นๆ ภายในเต็มไปด้วยประตูกล ทางลับ และห้องลับมากมาย รวมทั้งสวนอุทยานสวยๆ อีกหลายแห่ง

ขอบคุณข้อมูลจาก

: https://unsplash.com/

: https://www.pexels.com/

: https://pixabay.com/